ปัจจุบันกระแสอีคอมเมิชร์กำลังเป็นที่นิยมในหลายๆ ธุรกิจ รวมไปถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บริษัท ไอ สตีล ไทย จำกัด ได้สร้างแพลตฟอร์มซื้อ-ขายแบบออนไลน์ให้กับอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อ-ขายเหล็กแห่งแรกของไทย นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้กับทุกบริษัทที่สนใจ สามารถสมัครเป็นสมาชิกฟรี เพื่อใช้งานบนระบบเว็บไซต์ได้ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป

บริษัท ไอ สตีล ไทย จำกัด และเว็บไซต์ www.isteelthai.com  ก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน 2561 โดยมีจุดประสงค์เพื่อจัดทำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซตัวกลางสำหรับคนขายและคนซื้อเหล็ก โดยทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลที่ 3 ซึ่งสร้างขึ้นโดยบริษัทในเครือ Ouyeel International ของบริษัท Baosteel โดยมีเป้าหมายในการก่อตั้งเพื่อตอบสนองความต้องการเปลี่ยนแปลงและยกระดับองค์กรในอนาคต

 

Chien Yuan Tai ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไอ สตีล ไทย จำกัด

ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในธุรกิจค้าปลีกเหล็กในประเทศไทย Chien Yuan Tai ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไอ สตีล ไทย จำกัด จึงมีความมั่นใจในการก่อตั้งบริษัทที่สอดคล้องกับยุคดิจิทัลสมัยใหม่ เขากล่าวว่า “คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตกันมานาน และได้ทำการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ผมจึงมองว่าธุรกิจเหล็กควรจะต้องมีโอกาสทำการซื้อขายบนออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพื่อทำให้การค้าขายเหล็กในประเทศไทยนั้นสะดวกขึ้น โดยการนำคนขายมาเจอกับคนซื้อได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งต่อรองราคาได้ง่ายขึ้นและเป็นธรรมมากขึ้นผ่านการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์แบบ one-stop service ของเรา”

แพลตฟอร์ม ไอ สตีล ไทย ให้บริการครบวงจรครอบคลุมตั้งแต่การซื้อขายเหล็ก ซึ่งรวมถึงการประมูลเหล็กและการบริการค้นหาสินค้าชนิดพิเศษ รวมทั้งการบริการด้านการขนส่ง การชำระเงิน และการดำเนินการเอกสารต่างๆ โดยต้องการยกระดับการทำธุรกิจในแวดวงค้าปลีกเหล็กสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่

โดยแพลตฟอร์มออนไลน์นี้ดำเนินการภายใต้รูปแบบ B2B (Business-to-Business) หรือการทำธุรกิจการค้าระหว่างหน่วยงานธุรกิจกับหน่วยธุรกิจ โดยบริษัทฯ จะจัดหาคนซื้อเข้ามาใช้งานแพลตฟอร์ม ดังนั้น สินค้าที่นำมาขายออนไลน์จะต้องดีและมีคุณภาพ ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ก่อนทำการสั่งซื้อ

ผู้ก่อตั้งได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “การใช้งานแพลตฟอร์มของเรานั้นง่ายและเชื่อถือได้สำหรับทั้งคนซื้อและคนขาย ผู้ที่จะใช้งานจะต้องทำการสมัครสมาชิกก่อนเข้าใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ของเรา และทุกบริษัทที่ลงทะเบียนกับเว็บไซต์ของเราต้องมีใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ. 20) เครื่องหมายรับรองการจดทะเบียนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (DBD Verification) รวมทั้งเอกสารทางการเงิน และเอกสารสำคัญที่จำเป็นอื่นๆ ด้วยเช่นกัน”

ทั้งนี้ บริษัท ไอ สตีล ไทย จำกัด ดำเนินการธุรกิจออนไลน์โดยยึดหลัก 3Cs ได้แก่ Complex Customer และ Cash ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดย Complex ให้ความสำคัญกับการมอบการบริการสู่ตลาดที่ซับซ้อน ตลอดจนแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและกินเวลายาวนาน เช่น การขนส่ง และการจัดการเอกสารต่างๆ สำหรับธุรกิจเหล็กขนาดเล็กและขนาดใหญ่

ในขณะที่ Customer มุ่งเน้นการให้บริการผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ โดย ไอ สตีล ไทย มุ่งมั่นต้องการให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่ดีทุกครั้งที่เข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มของบริษัทฯ ส่วน Cash หมายถึงบริการทางการเงินที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ โดยมีช่องทางให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อรองรับทั้งอุตสาหกรรมเหล็กขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ อีกทั้งยังรองรับการชำระเงินสดหรือสินเชื่อ ด้วยระบบที่มีความมั่นคงและมีความเป็นระเบียบ มีสภาพคล่องทางการเงินทางธุรกิจโดยธนาคารชั้นนำในประเทศไทย

Chien Yuan Tai ผู้ก่อตั้งบริษัท ไอ สตีล ไทย จำกัด

โดย Chien Yuan Tai ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “หลัก 3Cs เป็นเป้าหมายที่เราต้องการจะบรรลุให้ได้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างคอมเพล็กซ์อุตสาหกรรมโดยการนำเสนอทางออกแบบครบวงจรสำหรับอุตสาหกรรมเหล็ก เราเชื่อว่าหัวใจหลักของการบริการที่ดีเกิดจากความพึงพอใจของลูกค้า เราจึงได้ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ลูกค้าคือศูนย์กลางของธุรกิจเรา นอกเหนือจากนี้ เรายังให้บริการทางการเงินผ่านการรวมตัวกันของอุตสาหกรรมเหล็กและการจัดหาเงินทุนเพื่อให้เกิดกระแสเงินสดที่ดี และส่งเสริมการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางการเงินของทั้งอุตสาหกรรมอีกด้วย”

จากข้อมูลของ ไอ สตีล ไทย ประเทศไทยใช้เหล็กอยู่ที่ 17 ล้านตันต่อปี โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าที่จะปันส่วนการใช้เหล็กของทั้งประเทศที่ 10% ของตลาดทั้งหมด หรือประมาณ 1.7 ล้านตันต่อปี ภายในระยะเวลา 3 ปีนอกจากนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์ของ ไอ สตีล ไทย ยังรองรับการระบายสินค้าค้างสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเพิ่มมูลค่าของสินค้าในตลาดด้วยการบริการที่ครบวงจร

Chien Yuan Tai กล่าวว่า “ตอนนี้มีบริษัทค้าเหล็กที่ใช้งานบนแพลตฟอร์มของเราประมาณ 50 ราย และเราเริ่มมีสินค้าขายอยู่ในออนไลน์ รวมทั้งมีคนสนใจเยี่ยมชมเว็บไซต์อยู่ที่ประมาณ 50-85 คนต่อวัน อีกทั้งยังมีการซื้อขายเหล็กต่อวันอยู่ที่ประมาณ 200-400 ตันอีกด้วย”

ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ไอ สตีล ไทย ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าซึ่งมีผลประกอบการการซื้อขายที่น่าพอใจ และยังมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

ผู้ก่อตั้งจึงได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของ ไอ สตีล ไทย ในปี 2561 ในฐานะแพลตฟอร์ม one-stop service โดยเล่าว่า “เมื่อปลายปี 2561 มีบริษัทรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งติดต่อเรามาเพื่อให้ช่วยตามหาเหล็ก โดยปกติแล้ว การสั่งเหล็กต้องสั่งล่วงหน้า 75-90 วันเพื่อให้ผู้ผลิตทำการผลิตเหล็ก แต่เราสามารถช่วยหาเหล็กตามรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการ และส่งสินค้าให้ลูกค้าผ่านทางเครื่องบินมาถึงประเทศไทยได้ภายใน 7 วัน”

“ผมอยากเชิญชวนให้ทุกคนลองใช้แพลตฟอร์มของเราดูก่อน แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้การทำงานง่ายและสะดวกขึ้น ผมหวังว่าทุกคนในธุรกิจค้าปลีกเหล็กจะเปิดใจกว้าง และเต็มใจที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเหล็ก เพื่อที่จะเติบโตไปสู่อนาคตได้โดยดี และสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการแบ่งปันผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมเหล็กร่วมกัน” Chien Yuan Tai กล่าวสรุปถึงอนาคตธุรกิจเหล็กในแง่บวกอย่างมั่นใจ

สั่งซื้อเหล็กหรือระบายสินค้าในสต็อกได้สะดวกยิ่งขึ้นเพียงปลายนิ้ว ที่เว็บไซต์ https://www.isteelthai.com

 

ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.posttoday.com/economy/news/581717